RBF เทรดวันแรก 4.08 บาท เหนือจอง 23.63%




บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย หรือ“RBF”  ปลื้มเข้าซื้อขายวันแรก (24..62) ราคาหุ้นเปิดที่ระดับ 4.08 บาท คิดเป็น 23.63จากราคาจองที่ 3.30 บาท   เหตุพื้นฐานธุรกิจดี และเป็นบริษัทนวัตกรรมอาหารรายเดียว ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้บริหารย้ำนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปลงทุนตามแผนที่ได้แจ้งไว้กับนักลงทุน

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ RBFเปิดเผยว่า หลังจากหุ้น RBFเปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเป็นวันแรกนั้น ราคาได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นเหนือราคาจองซื้อที่ 3.30 บาท น่าจะมาจากปัจจัยหลายอย่างทั้งพื้นฐานของธุรกิจที่ดี เพราะเป็นบริษัทเดียวที่ดำเนินธุรกิจทางด้านนวัตกรรมอาหารที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการเติบโตในอนาคตที่มีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในภาพรวมยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยดูจากยอดจองซื้อหุ้นที่ล้หลามในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่าเป็นสาเหตุทำให้หุ้นได้รับความนิยมและสนใจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามจากศักยภาพของบริษัทที่ดีแล้ว บริษัทฯ ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40หลังหักภาษีเงินได้และค่าสำรองอื่นๆ จึงเชื่อว่าหุ้น RBF เหมาะสมในการลงทุนในระยะกลาง ถึงยาวได้



นายสมศักดิ์  ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ APM เปิดเผยว่า หากประเมินจากปัจจัยพื้นฐานของ RBF แล้ว ถือได้ว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) อย่างครบวงจรให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีจุดแข็งด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านอาหาร การวิเคราะห์กลิ่นและรสชาติอาหารอยู่ถึง 60 คน และธุรกิจของบริษัทมีโอกาส Disrupt ยากเพราะผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทดแทนกันได้ยาก ดังนั้นทำให้เชื่อว่าธุรกิจของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง



ดร.สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด  ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่าบริษัทฯ มีความยินดีและขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในตัวบริษัทฯ และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งบริษัทฯ ก็หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างนี้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปดำเนินการตามแผนงานที่ได้วางไว้คือ ก่อสร้างโรงงานผลิตเกล็ดขนมปังและแป้งประกอบอาหาร ที่ประเทศอินโดนีเซีย  นำไปปรับปรุงและซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม ทั้งเครื่องจักรในการผลิตเกล็ดขนมปัง เครื่องจักรในการผลิตแป้งทอดกรอบ เครื่องจักรในการผลิตวัตถุแต่งกลิ่นรสแบบอัตโนมัติ ลงทุนเปิดบริษัทตัวแทนและห้องทดลองในประเทศสิงคโปร์ เพื่อขยายฐานลูกค้าในอนาคตของสินค้าประเภทวัตถุแต่งกลิ่นรส (Flavourชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจากการจัดโครงสร้างกลุ่มของบริษัท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และจากแผนงานดังกล่าวทำให้มีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ทั้งนี้ บริษัทแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 6 กลุ่ม คือ กลุ่มวัตถุแต่งกลิ่นและรส และสีผสมอาหาร กลุ่มแป้งและซอส กลุ่มผลิตภัณฑ์อบแห้ง  กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง  กลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซื้อมาเพื่อจำหน่าย สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 2,738.25 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 321.11 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 1,412.82 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 147.23 ล้านบาท โดยในงวดครึ่งปีแรกของปี 2562 บริษัทมีค่าใช้จ่ายone Time ประมาณ  30 ล้านบาท ประกอบด้วยการตั้งด้อยค่ากิจการโรงแรมจำนวน 11.6 ล้านบาท การตั้งสำรองหนี้สินผลประโยชน์พนักงานเพิ่มเติม จำนวน 9.9 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาด้านบัญชี ที่ปรึกษาด้านกฏหมาย ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนและอื่นๆอีกประมาณ 9 ล้านบาท